[Webinar] Leadership in an agile world, what does that mean? By Arie Van Bennekum
SPARK EVENTS BY WEMANITY
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา พอดีได้เข้าฟัง Webinar หัวข้อ Leadership in agile world, what does that mean? โดยคุณ Arie Van Bennekum เลยมาเขียน Blog แปะ VDO ไว้เผื่อใครอยากลองเข้าฟังแต่ยังไม่ทราบแหล่ะค่ะ
ส่วนด้านล่างเป็นเนื้อหาสรุปที่แนนได้จากที่ฟังนะคะ ถ้าฟังเองแล้วข้ามไปได้เลยค่ะ :D
สรุปเนื้อหา
- เราแอจไจล์ทำไม? (Why are we doing agile?) มี 2 เหตุผลหลัก คือ
1. หลีกเลี่ยงความล่าช้า (AVOIDING DELAY): ยิ่งการแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น ความเร็วในการออกตัวสินค้าหรือส่งคุณค่าให้กับตลาดยิ่งมีความสำคัญ แอจไจล์ช่วยเปลี่ยนวิธีการทำงานเพื่อให้ทีมทำงานมั่นใจว่าจะสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ได้ตามแผนที่วางไว้เมื่อจบ Sprint การที่ส่งมอบเอาต์พุตได้เร็วจะนำไปสู่การได้รับคำติชมและข้อเสนอแนะ (feedback) ที่รวดเร็ว และการปรับปรุงพัฒนาที่รวดเร็วตามไปด้วย
2. เพื่อเปลี่ยนวิธีการทำงานจากโมเดล Waterfall มาเป็นการทำงานแบบแอจไจล์ (CHANGING THE WAY OF WORK) : ปัญหาของการทำงานแบบ Waterfall model คือ
2.1 เสียเวลา (Wasting time) เพราะเป็นการสื่อสารกันระหว่างแผนก หรืออาจเรียกว่าการสื่อสารระหว่าง Silo ซึ่งเป็นการสื่อสารกันทางอ้อม ซึ่งการสื่อสารแบบนี้อาจก่อให้เกิดข้อผิดพลาด (error) และความล่าช้า (delay)
2.2 เกิดการสมมติและตีความ (Interpretation and assumption needed) เนื่องจากเป็นการสื่อสารที่ต้องส่งผ่านตัวกลาง เช่น ผ่านเอกสารหรือผ่านบุคคลอื่น ทำให้อาจต้องมีการแปลความและทึกทักเอาว่าผู้ส่งสารต้องการอะไรและก่อให้เกิดปัญหาข้อ 2.3
2.3 ประสิทธิภาพการทำงานลดลง (Cause of low efficiency)
แต่ในการแก้ปัญหาการสื่อสารทางอ้อม (Indirect communication) ก็คือปรับให้ทุกคนสื่อสารกันได้โดยตรง โดยการจับมานั่งบนโต๊ะเดียวกันและสื่อสารกันแบบต่อหน้า (Face-to-face communication) แต่การที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานให้เป็นแบบนี้ได้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน (facilitate) จากองค์กรหรือผู้นำ (leaders)
- เราต้องการอะไรจากทีมผู้นำ (What do we need from agile leadership team?)
สิ่งที่ผู้นำควรทำมี 3 ข้อหลัก ๆ คือ
1. เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่ดี (To be role model in agile working) : การเปลี่ยนวิธีการทำงานในองค์กรเป็นเรื่องที่ต้องใช้พลังงานสูง การได้ความเข้าใจจากผู้นำ และต้นแบบการเปลี่ยนแปลงที่ดีจึงมีความสำคัญมาก
2. อำนวยความสะดวกและให้อำนาจกับทีมเพื่อให้กล้าที่จะเปลี่ยนแปลง (Facilitate & empower the team to change the way of work) : ซึ่งการอำนวยความสะดวกอาจจะขึ้นอยู่กับบริบทและสถานการณ์ของแต่ละองค์กร เช่น ในบางจังหวะทีมอาจต้องการการเทรนด์ (training) หรือบางทีอาจต้องการคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะจากผู้นำ (reflect) การสร้างระบบนิเวศในการทำงาน (ecosystem creation) การให้ความรู้ (knowledge) และให้อำนาจ (authority) กับทีม (โดยเฉพาะทีมแรกที่นำการเปลี่ยนแปลง) จึงเป็นเรื่องจำเป็นมาก
3. รักษาการเปลี่ยนแปลงนั้นให้คงอยู่ (Sustain that change) : ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดของ Agile transformation คือ การที่กลับมาทำงานในรูปแบบเดิมหรือติดกับนิสัยที่เราเคยทำเคยเป็น (innovating backward) หลังจากที่เปลี่ยนได้ซักพัก เนื่องจากนิสัยหรือพฤติกรรมของคนเราเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงถาวรได้ยาก ดังนั้นการตระหนักถึงวิธีการรักษาการเปลี่ยนแปลงให้คงอยู่ตลอดไปนั้นจึงยากกว่าการปรับเปลี่ยน
- ความสำเร็จในการทำงานแบบแอจไจล์สามารถเป็นได้ใน 2 รูปแบบ คือ
1.ในเชิงคุณภาพ (Quality)
2. ในเชิงของระเบียบวินัย (Discipline) — แฝงอยู่ในรูปของพิธีกรรม (Rituals) ต่าง ๆ
- การเรียนรู้เรื่องที่ต้องทำไปตลอดช่วงชีวิต (ไม่ใช่ปีละ 2 ครั้ง) และควรจะเป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรประจำวัน (Learning is a life-time experience and should be part of daily process)
- แอจไจล์ไม่ใช่ “สถานะ” แต่เป็นเหมือนน้ำที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ในการที่จะรักษามันไว้จำเป็นต้องใช้ความพยายามและความปรารถนาอันแรงกล้า มิฉะนั้นเราก็จะกลับมาเป็นสู่นิสัยเดิมที่เคยเป็น (Agile is not a state, it is like liquid that can be changed, and need ambition, otherwise you will go back to the old habit)